วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ทดสอบกล้อง Canon PowerShot SX10 IS

อารมณ์นักถ่ายภาพกำลังกลับมาอีกครั้ง เสาร์ที่ผ่านมาเลยขอหยิบ Canon PowerShot SX10 IS เป็นกล้องคอมแพ็คที่ดูดีหน่อย ความระเอียด 10 ล้าน แต่เราใช้แค่ 4 ล้านพอลอง ๆ ดูก่อน มันเปลี่ยนเลนส์ไม่ได้แต่ก็พอมีอะไรให้เล่นได้พอสมควร สามารถใช้โหมดแมนวล (M) ได้เป็นอย่างดี แต่ค่ารูรับแสง (F) ปรับได้ในช่วงสั้นไปหน่อย ถ้าซูมเต็มที่ก็ปรับค่า F ได้กว้างสุด ๆ แค่ 5.6 เอง ส่วนสปีดชัตเตอร์และค่า ISO ไม่มีปัญหาปรับได้แบบสบาย ๆ

วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เก็บภาพมาฝากจากเพชรบูรณ์

พระอาทิตย์ยามเช้า บริเวณทางขึ้นอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว
ภาพโดย: น้อง Eve , น้อง Pond



Nikon D90 F/9 1/50 Sec. ISO-200


วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553

พา CRV ไปใส่ MAXXIS MS300

กะว่าจะเปลี่ยนนานแล้วแต่ทนใช้ไปก่อน ก่อนหน้านี้ 2 อาทิตย์ ขับๆ อยู่พวงมาลัยสั่นตอนขับเร็ว ๆ ก็รู้แล้วว่า เป็นที่ยางแน่ ๆ อาการนี้ไปถ่วงล้อดีกว่า ถ่วงแค่ 2 ล้อหน้า 100 เดียว กะว่าอย่าไปทำอะไรมาก เดี๋ยวรอถูกหวยได้เปลี่ยนทีเดียว (ฮา ฮา ฮ่า) เสร็จแล้วลองวิ่งดู พวงมาลัยหายสั่นแล้วครับ อืม ดี ๆ พอมาอาทิตย์นี้ อาการมันแปลกแบบไม่เคยเจอมาก่อน เวลาวิ่งเร็ว ๆ พวงมาลัยไม่สั่นเท่าไหร่แต่ตัวรถสั่นครับ

วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

พาเต่าย้ายบ้าน

เย็นวันเสาร์พ่อไปเอาเต่ามาจากไหนเนี่ย 3 ตัว (เล็ก 2 ใหญ่ 1) ฮ่า ฮ่า ฮ่า เต่ามันเกือบโดนต้ม พ่อบอกเค้าต้มน้ำแล้วเตรียมโดนต้ม น่ากลัวมาก ของมีกินเยอะแยะไม่กินจะมากินเต่า น่าจะเป็นพวกคนหาปลามั๊ง พ่อให้ไปหนึ่งร้อยบาท เลยเป็นที่มาในการพาเต่าย้ายบ้าน เช้าวันอาทิตย์ที่ 10 ตค. 2010 (10-10-10) ตื่นกันแต่เช้า ออกเดินทางไปจังหวัดอ่างทองพร้อมเต่า 3 ตัว

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

กรุงเทพ - ปาย [ปางอุ๋งตอนเช้า ๆ สวยที่สุด]

บันทึกการเดินทาง
กรุงเทพ - ปาย [ปางอุ๋งตอนเช้า ๆ สวยที่สุด]

อืมม... อุ่นสบายดีจัง "เสียงอะไรหว่า" ตอนนี้ยังไม่สว่างดีเลยแต่ได้ยินเสียงคนล่ะ โผล่หน้าออกมาดูเริ่มเห็นมีรถตู้นักท่องเที่ยวเข้ามาที่ปางอุ๋งกันแต่เช้า ดีเลยมาปลุกเรา รีบลุกไปล้างหน้าแปลงฟันเดี๋ยวพวกนั้นเดินมาอายเค้าตาย เป็นนักท่องเที่ยวต้องตื่นเช้า ๆ เร็ว ๆ เพื่อน ตื่น ๆ

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

กรุงเทพ - ปาย [นอนค้างที่ปางอุ๋ง]

บันทึกการเดินทาง
กรุงเทพ - ปาย [นอนค้างที่ปางอุ๋ง]

หลังจากได้สัมผัสบรรยากาศสบาย ๆ ที่ปายได้หนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นพวกเราก็ตื่นกันแต่เช้าเตรียมพร้อมออกเดินทางโดยตั้งจุดหมายปลายทางไว้ที่ปางอุ๋ง ขับรถเที่ยวไปเรื่อย ๆ บนเส้นทาง 1095 อำเภอปายไปแม่ฮ่องสอน ประมาณว่าจะไปนอนค้างที่ปางอุ๋ง ระยะทางไม่เกิน 150 กม เริ่มออกจากปายกันเลยครับ ถนนเรียบดีสามารถขับได้อย่างสบายแต่ก็ยังคงมีโค้งไปตลอด สลับกับทางตรงบ้างนิดหน่อย แต่ถ้าเปรียบเทียบกับเส้นทางจากเชียงใหม่มาอำเภอปายถือว่าโค้งน้อยกว่า สามารถใช้ความเร็วได้บ้างเป็นช่วง ๆ พวกเราแวะตามจุดชมวิวและแห่งท่องเที่ยวที่เป็นทางผ่าน แล้วก็เลยเข้าไปในตัวเมืองแม่ฮ่อนสอน

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

กรุงเทพ - ปาย [เส้นทางโดยรถยนต์]

บันทึกการเดินทาง
กรุงเทพ - ปาย [เส้นทางโดยรถยนต์]

"ปาย" แหล่งท่องเที่ยวในภาคเหนือไทยที่ ณ เวลานี้คงไม่มีใครปฏิเสธถึงเสนห์ในความงามของธรรมชาติ และความเงียบสงบ พวกเราเป็นกลุ่มเพื่อนที่ยังพอเจอหน้าเจอตากันบ้างหลังจากที่แต่ละคนเรียนจบและแยกย้ายกันไปทำงานตามวิถีสังคมเมืองในกรุงเทพ หลาย ๆ คนคงเป็นเหมือนกันกับพวกเราที่เมื่อนาน ๆ มาเจอเพื่อนเก่าก็อยากจะพากันไปเที่ยว และปายก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่พวกเราลงความเห็นว่า "นั่นแหละ" คือสิ่งที่คนรักธรรมชาติอย่างพวกเราต้องการ ระยะทางและเวลาเดินทางจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ ประมาณ 750 กม.

   

หลาย ๆ คนคงนึกออก ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน อาจจะ 8 หรือไม่เกิน 10 ชั่วโมงในการขับรถไปเรื่อย ๆ พวกเราขับไป หยุดพักทานอาหาร ดื่มกาแฟอย่างไม่รีบไม่ร้อน ไปถึงเชียงใหม่ก็ 4 โมงเย็นเห็นจะได้ พวกเรายิ้มล่ะนึกในใจ อีกแป๊บก็ถึงปายแล้ว หลังจากโทรเช็คคนในพื้นที่เพื่อให้แน่ใจในการเดินทางก็ทราบมาว่าต้องมีอีก 2 ชม. เนื่องจากเป็นทางขึ้น-ลง เขาตลอด รีบเหอะเพื่อน ๆ ถ้าไม่งั้นถึงดึกแน่ ๆ


ใช้เส้นทาง เชียงใหม่ ไปอำเภอแม่แตง แล้วจะเจอป้ายอำเภอปาย (ป้ายใหญ่ เบอเล่อ) เลี้ยวซ้ายไปอำเภอปาย (ทางหลวงหมายเลข 1095) และตั้งแต่จุดนี้ไปเพื่อน ๆ ต้องนั่งเสียวตลอดทางเนื่องจากโค้งทั้งนั้น หักไปหักมาตลอดทาง แถมยังมีรถหลังมากดดันเราอีก น่าจะเป็นรถพื้นที่ขับแบบไม่บันยะบันยัง ประมาณ 2 ชม. เราก็ถึงปางทางเข้าอำเภอปาย โอ้วพระเจ้าจ๊อด มันสวย ช่างเป็นธรรมชาติที่โรแมนติกอะไรขนาดนี้

[กุมภาพันธ์ 2553]



บันทึกการเดินทาง
กรุงเทพ - ปาย [บรรยากาศบนปาย]

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้เป็นช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์พวกเราคิดว่าอากาศก็คงไม่ค่อยเย็นเท่าไหร่และจริง ๆ แล้วชาวบ้านที่นั่นก็บอกว่าใช่แล้วครับ อากาศเลิกหนาวไปแล้ว แต่วันสองวันนี้อากาศเพิ่มกลับมาหนาวอีกครั้ง โอ้โห! น่าจะเป็นความโชคดีของพวกเราที่ยังได้สัมผัสความหนาวเย็นของที่นี่โดยไม่ตั้งใจ ชาวบ้านบอกว่าหัวค่ำก็ประมาณ 10 กว่าองศาต้น ๆ แต่ถ้าเลยกลางดึกไปอากาศก็จะลงไปถึง 7 หรือ 8 องศาเลย



ถ้าใครยังไม่เคยไปปายก็ให้นึกถึงเมืองเล็ก ๆ ที่มีความลำน้ำตื้น ๆ ไหลผ่านกลางเมือง มีที่พักสวย ๆ อยู่ตลอดสองข้าง เป็นบ้านไม้ไฝ่ที่สามารถเข้าถึงธรรมชาติได้อย่างเรียบง่าย บ้างก็เป็นสอร์ทสไตล์สมัยใหม่ที่ดูสวยงามไปอีกแบบ และถนนคนเดินก็เป็นจุดน่าสนใจสำหรับคนชอบชอปปิ้ง พอตกเย็นหลังจากนอนเล่นหรือนั่งอ่านหนังสือพักผ่อนริมลำน้ำปายเสร็จ นักท่องเที่ยวก็จะเริ่มออกไปเดินถนนคนเดิน นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตาตื่นใจกับร้านค้าสวย ๆ ตลอดสองข้างทาง มีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ธนาคาร ร้านขายยา เรียกว่ามีพร้อมให้เราสามารถจับจ่ายกันอย่างเพลิดเพลิน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะมาหาอาหารพื้นเมืองทาน ซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นที่ระลึก หรือส่งโปสการ์สให้เพื่อน ๆ เป็นกิจกรรมที่เรียบง่าย สบาย ๆ ไม่รีบไม่ร้อน

   



ตอนเช้า ๆ อากาศเย็นพอสมควรเลยทีเดียวครับ พวกเราตื่นกันแต่เช้าเพื่อจะได้สัมผัสอากาศสบาย ๆ ที่ปาย มีถ่ายรูปกันนิดหน่อยเป็นกิจกรรมหลักของนักท่องเที่ยวล่ะครับ หลังจากนั้งก็พากันเดินเข้าไปที่ถนนคนเดินอีกครั้งตั้งใจว่าจะไปใส่บาตรกัน และก็ทันเวลาพอดี ได้ซื้ออาหารจากชาวบ้านแถวนั้นใส่บาตรกันทั่วหน้า เสร็จก็หาโจ๊กกับกาแฟร้อน ๆ โอ้ว… ไม่ผิดหวังเลยครับโจ๊กกับกาแฟและปาท่องโก๋ ร้านลุงหล้าอร่อยดีครับ เป็นร้านรถเข็นชาวบ้าน ชาวบ้าน (ไม่ผิดหวังจริง ๆ) สำหรับวันนี้พวกเราวางแผนที่จะขับรถเที่ยวตามทางไปเรื่อง ๆ และจะไปนอนเอาบรรยากาศแบบโรแมนติกกันที่ “ปางอุ๋ง”






บันทึกการเดินทาง
กรุงเทพ - ปาย [นอนค้างที่ปางอุ๋ง]

หลังจากได้สัมผัสบรรยากาศสบาย ๆ ที่ปายได้หนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นพวกเราก็ตื่นกันแต่เช้าเตรียมพร้อมออกเดินทางโดยตั้งจุดหมายปลายทางไว้ที่ปางอุ๋ง ขับรถเที่ยวไปเรื่อย ๆ บนเส้นทาง 1095 อำเภอปายไปแม่ฮ่องสอน ประมาณว่าจะไปนอนค้างที่ปางอุ๋ง ระยะทางไม่เกิน 150 กม เริ่มออกจากปายกันเลยครับ ถนนเรียบดีสามารถขับได้อย่างสบายแต่ก็ยังคงมีโค้งไปตลอด สลับกับทางตรงบ้างนิดหน่อย แต่ถ้าเปรียบเทียบกับเส้นทางจากเชียงใหม่มาอำเภอปายถือว่าโค้งน้อยกว่า สามารถใช้ความเร็วได้บ้างเป็นช่วง ๆ พวกเราแวะตามจุดชมวิวและแห่งท่องเที่ยวที่เป็นทางผ่าน แล้วก็เลยเข้าไปในตัวเมืองแม่ฮ่อนสอน


ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี ช่วยกันมองหาร้านอาหารหน่อยนะครับเพื่อน ๆ หันไปเห็นร้านอาหารอยู่หนึ่งร้าน (อยู่ด้านซ้ายมือขาขับเข้าเมือง) ใครเห็นแล้วต้องสะดุดตาแน่นอน ด้วยความหิวเป็นที่ตั้ง "เอาร้านนี้แหละ" จอดรถหน้าร้านฝั่งตรงข้ามได้ก็ไม่รอช้าเดินเข้าในร้านทันที ชื่อร้าน “ใบเฟิร์น” สั่งแต่อาหารแนะนำแล้วกันนะ เพื่อความรวดเร็ว (อย่างเรื่องเยอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า) หลนปูเค็ม, เห็ดอบซีอิ้ว, ยำตำลึง, ปลาน้ำปายต้มยำ ขอบอกว่าอร่อยมาก (มากจริงๆ แงมๆๆ ) บรรยากาศภายในร้านดีมาก ๆ ด้วย ถ้าใครแวะผ่านมาขอแนะนำนะครับ แล้วจะไม่ผิดหวัง


อิ่มกันทุกคนแล้ว อารมณ์ก็ดี ไม่หงุดหงิด สนุกกับเดินทางกันต่อครับ ขับย้อนกลับไปทางเดิมไม่ไกลนักจะพบทางแยกสายเล็ก ๆ เป็นทางไปพระตำหนักปางตองซึ่งเป็นเส้นทางผ่านไป “ปางอุ๋ง” จุดหมายปลายทางของพวกเรา ระหว่างทางก็ได้แวะถ่ายรูปกันที่พระตำหนักปางตอง ภายในมีฟาร์มเลี้ยงแกะ สวนเฟร์นและสวนดวกไม้ต่าง ๆ ให้เดินเล่น หลังจากอยู่ในนั้นได้ไม่นานก็ต้องออกไปเข้าที่พักกันเนื่องจากเริ่มเย็น เกรงว่าจะเข้าที่พักกันมืดและจะไม่สะดวก


   

ขับมาอีกไม่เกิน 30 นาทีก็ถึงปางอุ๋ง ข้างในจะมีที่พักที่เป็นบ้านและเต้นส์ (ถ้าเป็นบ้านพักต้องจองเข้ามาก่อน) พวกเรากะว่าคืนนี้ถ้าให้ดีต้องนอนเต้น มาสัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิดที่สุด ติดต่อเต้นได้แล้วครับราคาไม่แพง มาพร้อมอุปกรณ์ครบชุด เจ้าหน้าที่ก็เป็นกันเองมาก พวกเราจัดแจงย้ายสัมภาระเข้าเต้นอย่างไม่รอช้า จากนั้นก็ออกเดินไปหาร้านอาหารบริเวณหน้าทางเข้า เป็นร้านชาวบ้านแถว ๆ นั้น พื้นเมืองจริงๆ ครับคราวนี้ มีอยู่โต๊ะเดียวรอน๊านนานกว่าอาหารจะมา พออาหารมาถึงก็อย่างกระอีแล้งลง หิวนี่ครับ



ตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้วครับ พวกเรากลับมาที่เต้นและแล้วไม่มีใครอาบน้ำกันเลย เนื่องจากอาบไม่ไหว อากาศเย็นมาก มาตั้งวงนั่งคุย มีดริ้งกันนิดหน่อยหน้าเตาไฟอุ่น ๆ ปางอุ๋งก็คืออ่างเก็บน้ำที่ห้อมล้อมไปด้วยป่าเขาดี ๆ นั่นเอง พอตกกลางคืนอากาศเย็นจัด มืดสนิทและจะเห็นดาวสว่างระยิบระยับเต็มท้องฟ้าได้ชัดเจนมาก "เราแวะมานอนที่ปางอุ๋งแล้ว และคุณล่ะมาแล้วหรือยัง"


[บรรยากาศตอนเย็น ๆ ที่ปางอุ๋ง]


[สูดอากาศเข้าปอดให้แรง ๆ เย็นสบายดีแท้]




[ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มตกดิน]


บันทึกการเดินทาง
กรุงเทพ - ปาย [ปางอุ๋งตอนเช้า ๆ สวยที่สุด]


อืมม... อุ่นสบายดีจัง "เสียงอะไรหว่า" ตอนนี้ยังไม่สว่างดีเลยแต่ได้ยินเสียงคนล่ะ โผล่หน้าออกมาดูเริ่มเห็นมีรถตู้นักท่องเที่ยวเข้ามาที่ปางอุ๋งกันแต่เช้า ดีเลยมาปลุกเรา รีบลุกไปล้างหน้าแปลงฟันเดี๋ยวพวกนั้นเดินมาอายเค้าตาย เป็นนักท่องเที่ยวต้องตื่นเช้า ๆ เร็ว ๆ เพื่อน ตื่น ๆ


ถ้าใครเคยมาปางอุ๋ง ช่วงเช้า ๆ จะเห็นไอลอยขึ้นมาจากผิวน้ำ ตอนนี้เป็นช่วงที่สวยที่สุดของปางอุ๋งเลยก็ว่าได้ น้ำจะใสเป็นกระจก สะท้อนต้นไม้และภูเขาที่อยู่รอบ ๆ ได้อย่างชัดเจน มีนักท่องเที่ยวส่งรอยยิ้มบนแพไม้ไผ่อยู่กลางน้ำ เป็นความสวยงานที่คุ้มค่า และน่าประทับใจจริง ๆ ครับ



 

จากปางอุ๋งก็เกือบ ๆ จะจบทริปแล้ว เหลือไปเที่ยวบ้านรักไทยอยู่ในระแวกนั้นครับ ขับรถไปอีก 30 นาที ระหว่างทางเจอร้านกาแฟส๊วยสวยครับ แต่ขับเลยไปบ้านรักไทยก่อนเค้าบอกขาหมูหมั่นโถอร่อยมาก แล้วอาหารเช้ายังไม่ได้ทาน ทนไม่ไหวต้องรีบไปทานอาหารเช้ากันก่อน ไปถึงก็สาย ๆ แล้วครับ นั่งพักผ่อนลมเย็น ๆ ทานไปชาต์ทแบตมือถือไป เกิดงานเข้าแล้วครับ เพื่อนผมซิทำอุปกรณ์ Securiy Key สำหรับ Link เข้าบริษัทหาย แกเลยอารมณ์เสีย ดีนะทานอิ่มพอดี ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็เอาเป็นว่าเที่ยวก่อนแล้วกันนะเสร็จแล้วค่อยแวะเข้าไปในปางอุ๋งอีกรอบ ไม่มีปัญหาเดี๋ยวจัดไปคร๊าบบบบ (เมื่อคืนแกนึกครึก มาเที่ยวแต่จะลอง GPRS เอาอุปกรณ์มา Link เพื่อเช็คเมล อันนิดเดียวท่าจะทำตกไว)

เที่ยวในบ้านรักไทยสักพัก ก็มีซื้อของฝากนิด ถ่ายรูปกันอีกหน่อย ขากลับแวะร้านกาแฟก่อนจะต้องเข้าปางอุ๋งอีกรอบเพื่อไปหาอุปกรณ์ที่ว่า และแล้วเจ้าหน้าที่ที่ทำความสะอาดเค้าเจอจริง ๆ ครับ เค้าบอกอะไรก็ไม่รู้เก็บไว้ให้ โชคดีจริง ๆ นะเพื่อนเราเห็นบอก อันละเกือบหมื่น เลยให้ตังคนเก็บไปกินขนมนิดหน่อย ตอนนี้เพื่อนเรายิ้มอารมณ์ดีแล้ว จากนั้นก็ขับกลับไปนอนที่ปายอีกคืนครับ ไปถึงก็ตกเย็นพอดีอาบน้ำอาบท่า แล้วเดินออกไปทานขนมจีนกัน กลับมานอนพักและพร้อมเดินทางกลับกรุงเทพในเช้าวันรุ่งขึ้น

"จบทริป กรุงเทพ - ปาย ด้วยความประทับใจ ใครยังไม่ได้ไปขับรถไปดูนะครับ"



   


กรุงเทพ - ปาย [บรรยากาศบนปาย]

บันทึกการเดินทาง
กรุงเทพ - ปาย [บรรยากาศบนปาย]

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้เป็นช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์พวกเราคิดว่าอากาศก็คงไม่ค่อยเย็นเท่าไหร่และจริง ๆ แล้วชาวบ้านที่นั่นก็บอกว่าใช่แล้วครับ อากาศเลิกหนาวไปแล้ว แต่วันสองวันนี้อากาศเพิ่มกลับมาหนาวอีกครั้ง โอ้โห! น่าจะเป็นความโชคดีของพวกเราที่ยังได้สัมผัสความหนาวเย็นของที่นี่โดยไม่ตั้งใจ ชาวบ้านบอกว่าหัวค่ำก็ประมาณ 10 กว่าองศาต้น ๆ แต่ถ้าเลยกลางดึกไปอากาศก็จะลงไปถึง 7 หรือ 8 องศาเลย